ส่วนใหญ่แล้วการมองว่าการแปรงฟันเป็นเรื่องง่าย หลายคนจึงไม่ได้ใส่ใจเวลาแปรง เคยชินกับวิธีการแปรงแบบไหนก็ทำอย่างนั้น โดยไม่รู้ว่าวิธีที่แปรงอยู่เป็นการรักษาฟันหรือทำลายฟันกันแน่
รู้ไหมว่าการแปรงฟันที่ไม่ถูกสุขลักษณะนั้นจะส่งผลเสียต่อฟันของคุณอย่างมหาศาล และก่อให้เกิดโรคในช่องปาก เช่น ฟันผุ โรคเหงือก ซึ่งบอกให้รู้ว่าคนเรามักจะมีพฤติกรรมการแปรงฟันผิดๆ หลายอย่าง เรามาตรวจสอบตัวเองกันหน่อยดีกว่าว่าวิธีการแปรงฟันของคุณตรงกับข้างล่างกี่ข้อ จะได้แก้ไขก่อนจะเสียฟัน

1. แปรงฟันเร็วเกินไป
ทันตแพทย์ Michael Lenchner กล่าวว่า โดยทั่วไปคนจะแปรงฟันเร็วมาก แต่ความจริงแล้วไม่ว่าคุณจะรีบเพื่อออกไปทำงาน หรืออยากจะล้มตัวลงนอนมากแค่ไหน คุณก็ต้องให้ความสำคัญกับการแปรงฟันด้วย คุณหมอจึงแนะนำว่า เพื่อสุขภาพฟันที่ดี ควรจะต้องใช้เวลาแปรงประมาณ 2-3 นาที
2. ไม่มองกระจกเวลาแปรงฟัน
การแปรงฟันต้องส่องกระจกไปด้วย ดูว่าเราแปรงตรงไหนไปแล้วบ้าง แปรงทั่วทุกซอกทุกมุมหรือยัง เพราะบริเวณขอบเหงือก หรือช่วงรอยต่อระหว่างเหงือกกับฟันจะเป็นบริเวณที่สะสมของเชื้อแบคทีเรียหลากหลายชนิดจำนวนมาก ถ้าแปรงบริเวณนี้ไม่สะอาดคุณอาจจะเป็นโรคเหงือกอักเสบ หรือ โรคอื่นๆ ที่เกิดจากแบคทีเรียบริเวณนี้ได้ โดยเฉพาะบริเวณฟันกรามซี่ท้ายก็เป็นอีกบริเวณหนึ่ง ที่ต้องใส่ใจทำความสะอาด เพราะอยู่ลึกถ้าไม่พิถีพิถันในการแปรง ฟันบริเวณนี้อาจจะผุ
ดังนั้น การใส่ใจในการแปรงฟันจะทำให้คุณสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของฟัน เช่น ฟันแตก บิ่น ร้าว หรือร่องรอยของการนอนกัดฟัน การทำเช่นนี้จะทำให้คุณสังเกตสัญญาณบางอย่างของโรคนอนกัดฟัน โรคนอนไม่หลับ เพื่อจะได้สามารถแจ้งอาการเหล่านี้ให้ทันตแพทย์ทราบได้
3. ไม่รู้วิธีแปรงฟันที่ถูกต้อง
รู้หรือไม่ว่าเนื้อฟันของเราถูกห่อหุ้มด้วยเคลือบฟัน (Enamel) ซึ่งเป็นส่วนที่แข็งที่สุดของฟัน ถ้าคุณแปรงฟันผิดวิธีตัวเคลือบฟันนี้ก็จะถูกทำลาย และส่งผลให้ฟันไม่แข็งแรง แตกง่าย ดังที่ทันตแพทย์ได้เปรียบเทียบการแปรงฟันที่ผิดวิธีว่าเหมือนกับการเลื่อยต้นไม้ เพราะถ้าเราแปรงผิดที่ก็เท่ากับว่าเรากำลังเลื่อยฟันของตัวเองอยู่ ดังนั้นเวลาแปรงฟันต้องให้ขนแปรงทำมุม 45 องศากับผิวฟัน และใช้ขนแปรงขัดฟันในทิศทางที่เป็นวงกลมค่อยๆ หมุนแปรงไปเรื่อยทีละซี่สองซี่ จนกระทั่งครบทุกซี่ ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของผิวฟัน
ดังนั้น ฟันที่ใช้เคี้ยวอาหารหรือด้านบนของฟัน สามารถแปรงแบบตรงๆ โดยใช้ขนแปรงถูไปถูมาได้ สำคัญที่สุดอย่าลืมแปรงตรงบริเวณขอบเหงือกด้วย เนื่องจากบริเวณนี้จะมีการสะสมของแบคทีเรีย และเชื้อโรคมากมาย ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเหงือกอักเสบ และฟันผุ
4. แปรงแรงเกินไป
การที่เราแปรงฟันอย่างรุนแรงทำให้เคลือบฟัน (Enamel) ถูกทำลาย ถ้าฟันของคุณไม่แข็งแรงอยู่แล้ว และแปรงฟันเร็วจนเป็นนิสัยด้วย ก็ยิ่งทำให้ฟันของคุณสึกหรอ นอกจากนี้การแปรงฟันแรงเกินไปตรงบริเวณใกล้กับขอบเหงือกจะทำให้เหงือกร่นและเป็นโรค abraction lesions หรือโรคที่เกิดจากฟันถูกกระแทกแรง จนเกิดรอยแตกขึ้นและส่งผลให้เคลือบฟันเสียหาย หรือแม้แต่การกดน้ำหนักลงบนฟันบ่อยๆ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เคลือบฟันถูกทำลายไปถึงชั้นแคลเซียม
5. ใช้แปรงสีฟันไม่ถูกสุขลักษณะ
แปรงสีฟันไม่ถูกสุขลักษณะ คือ แปรงที่มีขนแปรงแข็งกระด้าง เราควรใช้แปรงที่มีขนนุ่มเพื่อจะไม่ทำลายเคลือบฟัน และไม่ทำให้เหงือกเป็นแผล อย่างไรก็ตามแม้จะใช้แปรงสีฟันที่มีขนอ่อนนุ่มแล้ว แต่ถ้าแปรงผิดวิธีก็สามารถเกิดผลเสียกับฟันได้ เช่น เกิดรอยที่ฟัน นอกจากนี้คุณหมอฟันยังแนะนำให้ใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า เพราะว่าแปรงสีฟันไฟฟ้าจะช่วยให้คุณแปรงฟันได้นานตามเวลาที่คุณตั้งเอาไว้ และหัวแปรงจะหมุนเป็นวงกลม ซึ่งเป็นการแปรงฟันที่ถูกต้อง
6. ใช้ยาสีฟันไม่ถูกสุขลักษณะ
ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของเบกกิ้งโซดามากเกินไป แม้ว่ามันจะช่วยให้ฟันดูขาวขึ้น แต่มันจะไปทำลายเคลือบฟันด้วย คุณหมอจึงแนะนำว่าให้ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของไวท์เทนนิ่งเพราะจะไม่ทำลายเคลือบฟัน
7. ไม่ใช้ไหมขัดฟัน
จริงๆ แล้วไหมขัดฟันเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เพราะสามารถทำความสะอาดในบริเวณที่เราแปรงสีฟันไม่ถึงได้ เช่น บริเวณระหว่างฟันสองซี่ ถ้าคุณไม่ใช้ไหมขัดฟันจะทำให้มีแบคทีเรีย รวมถึง คราบน้ำตาลสะสมอยู่บริเวณซอกฟัน และทำให้ฟันผุได้
การใช้ไหมขัดฟัน มีดังนี้
1. พันไหมขัดฟันไว้ที่นิ้วชี้ทั้งสองข้าง และใช้นิ้วโป้งช่วยจับไหมขัดฟันไว้
2. ใช้ไหมขัดฟันพันรอบฟันทีละซี่ ขัดขึ้น-ลง อย่าขัดข้างหน้า ขัดหลัง และอย่าขัดแรงเพราะจะทำให้เจ็บเหงือกได้
3. ขณะขัดฟันไม่จำเป็นต้องขัดหน้ากระจก แต่ให้ขัดไปดูทีวีไปจะได้ไม่เบื่อ
8. ไม่บ้วนปาก
หลังจากทานอาหาร เสร็จแล้วถ้าคุณไม่ได้บ้วนปาก จะทำให้แบคทีเรียยังคงสะสมอยู่ในปาก เพราะฉะนั้นการบ้วนปากจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก การใช้น้ำยาบ้วนปาก ก็เป็นการฆ่าเชื้อโรคที่อยู่ในปากด้วย แค่อมๆ แล้วบ้วนทิ้ง เป็นการช่วยให้เคลือบฟันแข็งแรงมากขึ้น หรืออย่างน้อยที่สุด คุณก็ควรบ้วนปากด้วยน้ำเปล่า ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
หลังจากที่คุณได้อ่านและทราบพฤติกรรมการแปรงฟันที่ผิดสุขลักษณะแล้ว ลองตรวจดูวิธีการแปรงฟันของตัวเองดูนะค่ะ เพราะเรื่องที่ดูเหมือนเล็กน้อยแบบนี้ แต่ความจริงแล้วมันส่งผลเสียกับสุขภาพฟันและช่องปากอย่างมหาศาลเลยล่ะค่ะ ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนวิธีการแปรงฟัน แล้วคุณจะมีรอยยิ้มที่สวยงาม ไม่ต้องอายใครเลยล่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น