เทคนิคการเลือกแปรงสีฟัน

     ปัจจุบันแปรงสีฟันมีให้เลือกใช้หลายแบบ หลายขนาด แตกต่างกันไปทั้งขนาดของขนแปรง ความนุ่ม ดีไซน์ ซึ่งแปรงสีฟันคือสิ่งที่สำคัญมากในการดูแลรักษาฟัน เพราะฉะนั้นการเลือกแปรงสีฟันจึงถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเช่นเดียวกับการเลือกยาสีฟัน หรือแม้กระทั่งน้ำยาบ้วนปากเป็นต้น

  • การเลือกซื้อแปรงสีฟันควรเลือกแปรงที่มีขนนุ่ม เพื่อป้องกันการทำลายเคลือบฟัน และเลือกใช้แปรงที่มีหัวเล็กเพื่อให้สามารถเข้าถึงทำความสะอาดได้ง่าย ๆ
  • การเลือกดีไซน์ของแปรง ให้พิจารณาจากความสะดวก สบายของผู้ใช้ ซึ่งแต่ละคนจะมีความชอบ หรือความเคยชินแตกต่างกันไปเพราะฉะนั้นเลือกที่รู้สึกสบายที่สุด
  • การใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า จะสามารถทำความสะอาดได้ดีกว่า ซึ่งแปรงประเภทนี้จะเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาด้านการแปรงฟัน
  • การเปลี่ยนแปรงควรจะเปลี่ยนทุก ๆ  3 เดือน เพื่อความสะอาดของแปรง เพราะแปรงสีฟันถูกใช้ทำความสะอาดอยู่ทุกวัน อาจจะเกิดการสะสมของแบคทีเรีย และแปรงสีฟันสามารถเสื่อมสภาพตามกาลเวลาได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นการใช้แปรงสีฟันไม่ควรใช้เกิน 3 เดือน


ฟันแท้หรือฟันน้ำนม

     ผู้ปกครองหลายท่านอาจะต้องเห็นว่าการที่ลูกมีฟันแท้ขึ้นแล้วสังเกตได้ไม่ยาก เช่น เมื่อฟันน้ำนมโยกและหลุดตามธรรมชาติ ผ่านไปไม่กี่เดือนจะเห็นฟันแท้ขึ้นตามมาดังภาพด้านล่างซ้าย หรือในบางกรณีอาจพบว่าฟันแท้ดันแทรกขึ้นมา โดยที่ฟันน้ำนมยังไม่หลุดดังภาพด้านล่างขวา
     ภาพซ้าย: ลักษณะฟันของเด็กที่เดิมมีฟันหน้าน้ำนมผุจนเหลือแต่ส่วนของรากฟัน  ต่อมาฟันน้ำนมโยกและหลุดไปหนึ่งซี่ โดยในภาพพบว่ามีฟันหน้าแท้ขึ้นแล้วหนึ่งซี่ในฟันบน และสองซี่ในฟันล่าง (ในวงกลมสีเหลือง)
     ภาพขวา: ลักษณะของฟันแท้ที่ขึ้นแล้ว (ในวงกลมที่เป็นสีเหลือง) แต่ฟันน้ำนมยังไม่หลุด
ฟันหน้าจะเป็นตำแหน่งที่สามารถสังเกตการขึ้นของฟันแท้ได้ง่ายต่างจากฟันกรามแท้ซี่แรกของเด็ก (ในวงกลมสีน้ำเงินของภาพด้านขวา) ฟันกรามแท้ซี่แรกจะขึ้นมาในตำแหน่งที่ไม่ได้แทนที่ฟันน้ำนมซี่ใดในช่องปาก ดังนั้นจึงไม่เห็นว่ามีฟันน้ำนมโยกหลุดไปก่อนที่ฟันกรามแท้จะขึ้น  หากแต่ฟันกรามแท้จะค่อยๆ   ดันเหงือกที่เป็นช่องว่างขึ้นมาเมื่อเด็กอายุประมาณ 6-7 ปี 
ถ้าเราแบ่งช่องปากของเด็กเป็น 4 ส่วน คือ ขวาบน ขวาล่าง ซ้ายบนและซ้ายล่างดังภาพด้านล่างซ้ายแล้ว ในแต่ละส่วนจะมีฟัน 5 ซี่ หากดูจากด้านหน้าไปด้านหลังประกอบด้วยฟันตัด 2 ซี่ ฟันเขี้ยว และฟันกราม 2 ซี่ตามลำดับ เด็กจะมีฟันน้ำนมที่เป็นฟันกรามเพียง 2 ซี่เท่านั้น
  
     เมื่อเด็กอายุได้ประมาณ 6-7 ปี ผู้ปกครองจะเริ่มสังเกตเห็นว่าท้ายฟันกรามน้ำนมทั้งสองซี่เริ่มมีฟันแท้ขึ้นมา จากการแนะนำวิธีการดูแลเหงือกและฟันให้แก่ผู้ปกครอง พบว่าผู้ปกครองหลายท่านยังไม่ทราบว่าฟันกรามซี่ในสุดของลูกนั้นเป็นฟันแท้ บางรายฟันกรามแท้ที่ว่านี้ยังไม่ผุเพียงแต่มีคราบเศษอาหารติดอยู่มาก เนื่องจากเป็นฟันที่อยู่ลึกทำความสะอาดยาก ในขณะที่บางรายกว่าผู้ปกครองจะทราบว่าฟันกรามซี่ในสุดคือฟันแท้ก็ต่อเมื่อลูกปวดฟันและมาพบทันตแพทย์ สุดท้ายบางรายฟันผุมากถึงขั้นต้องรักษารากฟันและทำครอบฟัน หรือในรายที่หนักที่สุดคืออาจต้องถอนฟันแท้ซี่นั้นออกไป ซึ่งย่อมกระทบถึงการบดเคี้ยวอาหารของเด็กและคุณภาพชีวิตตามมา

การดัดฟันแบบ Invisalign

เครื่องมือการจัดฟันที่ถอดไม่ได้ (Invisalign)
เป็นเครื่องมือแบบใหม่ในการจัดฟัน ซึ่งช่วยแก้ไขปัญหาการเรียงตัวของฟันให้มีความสวยงามและเหมาะสมได้โดยเครื่องมือจัดฟันชนิดนี้จะมีความใสซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อคนไข้แต่ละท่านโดยเฉพาะ และสามารถถอดออกได้เมื่อต้องการ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรมจะทำแผนการรักษาทุกท่านกับแพทย์ทันตกรรมจัดฟันของ บริษัทอินวิสไลน์ในอเมริกา และแสดงผลการรักษาแก่ท่านโดย แบบจำลองในคอมพิวเตอร์ก่อนเริ่มรักษาคนไข้ทุกคนโดย ขณะสวมใส่เครื่องมือจัดฟันประเภทนี้ยากที่ผู้ใดจะมองเห็นว่าท่านจัดฟันอยู่

คุณประโยชน์ของการจัดฟันแบบ Invisalign
เป็นที่ไม่สะดุดตา เพราะมีความใสสังเกตเห็นได้ยาก
- สามารถถอดออกก่อนเริ่มการรับประทานอาหารและการทำความสะอาด ได้ง่าย
- ไม่มีวัสดุที่สามารถติดเศษอาหารและคราบสกปรกซึ่งเป็นสาเหตุของฟันผุ
- การเรียกตัวของฟันที่เหมาะสมและถูกต้องช่วยให้มีสุขภาพเหงือกที่ดี
- ไม่รบกวนการออกเสียง การทำงานที่ต้องใช้การพูดมาก

หมายเหตุ  ทันตกรรมจัดฟันแบบ Invisalign ไม่สามารถทำได้ในทุกกรณี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและดุลยพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมักกรรมที่เป็นผู้รักษา

ขั้นตอนการรักษา
1. ขั้นตอนการตรวจวินิจฉัยและพิจารณาความเหมาะสม
- แพทย์ด้านทันตกรรมที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญการดัดฟันแบบ Invisalign จะทำการจรวจและวางแผนการรักษา
- การจดบันทึกข้อมูล การเอ็กซเรย์และการพิมพ์ปากเพื่อการศึกษาถ่ายภาพใบหน้าและภายในช่องปาก แล้วจัดส่งข้อมูลทั้งหมดไปศูนย์อินวิสไลน์ที่สำนักงานใหญ่ที่สหรัฐอเมริกา

2. ขั้นตอนการจัดทำเครื่องมือ
- การทำ CT scan (Computerd Tomography หรือ CAT scan) ช่วยให้การผลิตเครื่องมือมีความถูกต้องสูงสุด
- การใช้โปรแกรม CAD (Computer Aided Design) ช่วยในการวางแผนการเคลื่อนตัวของฟัน
- หลังจากนั้นแพทย์ด้านทันตกรรมจะทำการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมด ก่อนทำการสรุปแผนการรักษาให้คนไข้ทราบพร้อมแสดงแบบจำลองทางคอมพิวเตอร์ของผลการรักษา และเริ่มดำเนินการผลิตอุปกรณ์จัดฟัน
- เครื่องมือจัดฟัน Invisalign จะใช้เทคโนโลยี Stereolithography (SLA) ในการสร้างแบบฟัน
- การผลิตอุปกรณ์จัดฟันที่มีความพอเหมาะกับผู้เข้ารับบริการนั้นๆ

3. การใส่เครื่องมือ
- แพทย์ด้านทันตกรรมจะทำการใส่เครื่องมือและตรวจความพอดี
- การเข้าพบแพทย์ด้านทันตกรรมตามที่นัดหมายเพื่อการปรับอุปกรณ์และการตรวจความเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้าของการรักษา โดยคนไข้จะพบแพทย์ด้านทันตกรรมจัดฟันทุก 6-8 สัปดาห์
- การเปลี่ยนแปลงชิ้นอุปกรณ์เมื่อผู้รับบริการมีตำแหน่งที่เหมาะสมตามแผนการรักษา ซึ่งการเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์จะดำเนินตามแผนการรักษาจนกว่าจะเสร็จสิ้น
หมายเหตุ: จำนวนของเครื่องมือที่ใช้ทั้งหมดในการจัดฟันจะขึ้นอยู่แต่ละบุคคลซึ่งมีลักษณะและปัญหาเรียงตัวของฟันที่แตกต่างกัน ผู้เข้ารับการจัดฟันอาจมีความรู้สึกปวดหรือไม่สะดวกสบายในระยะแรงของการจัดฟันซึ่งจะหายได้เองเมื่อร่างกายสามารถปรับตัวกับเครื่องมือจัดฟันที่ใส่แล้ว โดยอาการปวดสามารถแก้ไขเบื้องต้นด้วยการรับประทานยาแก้ปวด เช่น Ponstan ได้

หลังการทำฟันหรือผ่าฟันคุด...ควรทำตัวอย่างไร ??


1. ให้ผู้ป่วยถอนฟันหรือผ่าฟันคุดกัดผ้าก็อตไว้ให้แน่นเพื่อห้ามเลือดประมาณ 1-2 ชม. กัดให้แน่นจนกว่าเลือดหยุดไหล
2. ห้ามรบกวนบริเวณแผลที่ถอนฟันหรือผ่าฟันคุดเด็ดขาด ควรปล่อยให้แผลอยู่นิ่งๆ ห้ามใช้ลิ้นหรือสิ่งอื่นใดแตะหรือดุนแผลเล่น
3. ห้ามบ้วนน้ำ น้ำลาย หรือเลือด ให้กลืนน้ำลายลงคอได้เลย เนื่องจากการบ้วนอาจทำให้แผลที่ถอนฟันหรือผ่านฟันคุดมาถูกรบกวนได้ และอาจจะทำให้เลือดไหลไม่หยุดด้วย
4. ให้ผู้ป่วยที่ทำฟันมาใช้น้ำแข็งห่อผ้าประคบข้างแก้มไว้ เพื่อให้เลือดหยุดไหลเร็วขึ้น
5. ในวันแรกผู้ป่วยที่ทำฟันมาควรทานยาแก้ปวดทุกๆ 4-6 ชั่วโมง เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดที่เกิดขึ้นหลังฤทธิ์ยาชาหมด
6. ในวันแรกผู้ที่เพิ่งทำฟันมาควรทานอาหารอ่อนหรืออาหารที่มีลักษณะเหลว เพื่อป้องกันเศษอาหารเข้าไปติดบริเวณแผล กลางคืนควรนอนหนุนหมอนสูงเพื่อช่วยลดการบวมบริเวณที่ผ่าตัด
7. ให้แปรงฟันได้ตามปกติ แต่ระวังอย่ากระแทกโดนบริเวณแผลที่ทำฟันมา ซึ่งห้ามบ้วนน้ำแรงๆ งดใช้น้ำยาบ้วนปากในช่วง 1-2 วันแรก เพราะจะทำให้แผลที่ทำฟันมาหายช้าขึ้นไปอีก
8. ในวันที่ 3 หลังการถอนฟันหรือการผ่าฟันคุด ให้อมน้ำเกลือไว้สักพัก  โดยให้ผสมเกลือ 1 ช้อนชากับน้ำอุ่น 1 แก้ว และควรบ้วนปากบ่อยๆประมาณ 3-5 ครั้งต่อวัน ซึ่งจะช่วยให้แผลที่ทำฟันมาหายเร็วขึ้น 
9. กรณีผ่าฟันคุดหรือถอนฟันซี่ยาก จะได้รับยาปฏิชีวนะสำหรับป้องกันการติดเชื้อ ผู้ป่วยจะต้องทานตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด ให้ทานยาต่อเนื่องเป็นเวลา 5 วัน การทานยาไม่ต่อเนื่องอาจทำให้เกิดการติดเชื้อภายหลังการผ่าตัดได้
10. การบวมช้ำหรือมีจ้ำเขียว เป็นอาการตอบสนองตามปกติของร่างกาย ให้ประคบอุ่นๆเพื่อช่วยลดการบวม
11. งดสูบบุหรี่และงดดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงงดการออกกำลังกายหนักๆ
12. หากมีการปวด หรือบวมมากผิดปกติ ควรรีบติดต่อทันตแพทย์ทันที

แบคทีเรียป้องกันฟันผุจากแบคทีเรีย ?

     คงรู้กันอยู่แล้วใช่หรือไหมว่า อะไรเป็นหนึ่งในการทำให้ฟันของเราผุ แบคทีเรีย ใช้มั้ย ถูกต้องแบคทีเรียก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ฟันของเราเนี่ยผุ ใครๆ ก็รู้เรื่องนี้ดี! แต่รู้หรือเปล่า ? แบคทีเรียในช่องปากสามารถช่วยต้านการเกิดฟันผุได้ ( ฮึ.. อะไร ไม่จริงอ่า มั่วแล้ว อ่านผิดหรือเปล่า) เป็นเรื่องจริงครับผม ที่แบคทีเรียในช่องปากของเราเนี่ยทำให้เราฟันผุก็สามารถทำให้ป้องกันฟันผุให้เราได้ด้วย(คงอยากรู้กันแล้วละซี่ ข้องใจๆ ฮา ฮา ฮ่า ) 
     แบคทีเรียในช่องปากของเราที่จริงแล้ว ไม่เคยมีใครบอกสะหน่อยว่ามีแต่แบคทีเรียที่อยู่ในช่องปากเราที่ทำให้ฟันผุ จริงๆ มันก็ไม่มีแต่ตัวเดียว ชนิดเดียวซะเมื่อไหร่ละ คณะทันตแพทย์ได้มีการศึกษาค้นคว้าและวิจัยเกี่ยวกับช่องปากของ
มนุษย์เพื่อค้นหาวิธีป้องกันต่างๆ จนได้ไปพบกับแบคทีเรียชนิดนึงที่อยู่ในช่องปากของเราเนี่ย สามารถป้องกันฟันผุได้  ซึ่งมันมีชื่อเรียกว่า แลคโตบาซิลลัส พาราคาไซ เอสดี 1 (Lactobacillus paracasei SD1) โดยเหล่าทันตแพทย์ได้นำเชื้อเจ้า แลคโตบาซิลลัส พาราคาไซ จากสายพันธุ์นึงมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ เพื่อยับยั้งการเกิดโรคฟันผุได้ เพราะเจ้า แลคโตบาซิลลัส พาราคาไซ เอสดี 1 มีความสามารถในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคฟันผุได้
     ที่จริงก็ไม่ได้มีแต่เจ้า แลคโตบาซิลลัส พาราคาไซ ชนิดเดียวหรอกที่สามารถป้องกันฟันผุได้ อย่าง โพรไบโอติก ที่นำมาใช้ประโยชน์เพื่อที่จะได้เสริมสุขภาพและป้องกันโรคอื่นๆ และแบคทีเรียที่ถูกนำมาใช้เป็นพวกโพรไบโอติก เองก็มีอีกหลายชนิดด้วยกัน แต่หลักๆ เขาจะใช้เจ้า แลคโตบาซิลลัส พาราคาไซ มากกว่าเพราะถ้าอ่านกันดีๆ จะรู้สึกคุ้นหูในชื่อของเจ้าแลคโตบาซิลลัส (แลคโตบาซิลลัส มักถูกนำมาใช้ผสมกับพวก นมเปรี้ยว โยเกิร์ต ที่เรากินกันบ่อยๆ ไง) ซึ่งที่ผ่านมามีรายงานวิจัยการประยุกต์ให้เชื้อเหล่านี้ มาเสริมสุขภาพในช่องปาก ซึ่งพบว่าเชื้อบางชนิดยังสามารถลดอัตราการเกิดโรคฟันผุได้ แต่ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้างคือสามารถเกาะติดในช่องปากได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากไม่ใช่เชื้อจากช่องปากโดยตรงเพราะไม่ได้มาจากแหล่งกำเนิด ถึงอย่างนั้น แม้ว่าการทดลองจะประสบความสำเร็จ และมีการนำเอา แลคโตบาซิลลัส พาราคาไซ เอสดี 1 ชนิดนี้ไปผสมในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อใช้ได้จริง ในการลดเชื้อก่อโรคฟันผุ แต่จะเป็นเพียงการลดสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดฟันผุเท่านั้นเอง เพราะการที่เราจะฟันผุมันเกิดได้จากอีกหลายสาเหตุประกอบกัน อย่างเช่น เกิดจากความแตกต่างของโครงสร้างของฟันในแต่ละคน การขาดสารอาหารในวัยเด็กซึ่งส่งผลต่อโครงสร้างของฟัน การดูแลรักษาสุขภาวะในช่องปาก และ พฤติกรรมการกินอาหารโดยเฉพาะอาหารหวาน ที่เป็นปัจจัยเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อก่อโรคฟันผุ
 
     ดังนั้นหากสามารถลดปริมาณของเชื้อก่อโรคฟันผุได้ ร่วมกับการควบคุมอาหารหวานและดูแลสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอ ผมรับรองได้เลยว่าจะทำให้การลดอัตราการเกิดฟันผุในประชากรไทยประสบผลสำเร็จยิ่งขึ้นมากๆ จำไว้นะครับถึงแม้ว่าเราจะมีตัวช่วยเยอะแยะ แต่ถ้าเราไม่ตั้งใจทำอย่างสม่ำเสมอ ก็จะทำให้เราฟันผุอยู่ดี ^^

ควรหรือไม่ ลูกวัย 8 ปี อยากดัดฟัน

เรื่องคำแนะนำเรื่องเด็กวัย 8 ปี พร้อมหรือยังที่จะจัดฟัน และควรเลือกคลินิกอย่างไร พร้อมวิธีดูแลฟันอย่างถูกต้อง

ลูกวัย 8 ปี อยากดัดฟัน
เมื่อลูกสาวอายุ 8 ปี ฟันแท้ข้างหน้าของเขายื่นออกมา โดนเพื่อนๆ ที่โรงเรียนล้อเลียนทุกวันเลยค่ะ ดิฉันเลยเริ่มคิดเรื่องการดัดฟันให้ลูก แต่ไม่ทราบว่าเด็กในวัยนี้พร้อมหรือยังที่จะดัดฟันคะ หากพร้อมแล้วมีวิธีเลือกคลินิกแบบใด และดูแลฟันอย่างไร

ก่อนอื่นเลยนะค่ะต้องอธิบายสาเหตุที่ฟันหน้ายื่นออกมาก่อนนะค่ะ ที่พบบ่อยประการแรกได้แก่การดูดนิ้วในวัยเด็ก การดูดจุกนมคาอยู่ในปากเป็นเวลานานก็เช่นเดียวกัน เพราะสามารถไปดันกระดูกและฟันแท้ยื่นออกมาได้ เนื่องจากเป็นวัยที่ร่างกายยังมีการเจริญเติบโต สาเหตุอีกอย่าง คือพันธุกรรม ขนาดของฟันแท้โตเกินขนาดของขากรรไกร ทำให้ฟันยื่นออกมา ถ้าคุณพ่อหรือคุณแม่ไม่มีฟันยื่น ก็อาจเกิดจากเด็กได้รับขนาดขากรรไกรที่ถ่ายทอดมาจากคุณแม่ แต่ได้ขนาดฟันแท้มาจากคุณพ่อซึ่งใหญ่กว่าขนาดขากรรไกรเป็นต้น

และโดยปกติทั่วไปของการดัดฟันจะทำเมื่อฟันแท้ขึ้นหมดแล้ว ในราวอายุ 13-14 ปี วัยนี้กระดูกเริ่มเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว แต่อย่างไรก็ดีเมื่อเกิดปัญหานี้ขึ้นควรพาเด็กไปพบทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะฟันเด็กก่อน การที่มีฟันยื่นอาจส่งผลให้การสบของฟันบนและฟันล่างผิดปกติ ไม่สามารถกัดเคี้ยวอาหารได้อย่างสมบูรณ์ ถ้าจำเป็นต้องรีบให้การรักษา ทันตแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาว่าจะรักษาเองหรือส่งต่อให้ทันตกรรมจัดฟันเป็นผู้รักษาค่ะ

และคุณแม่สามารถพาลูกไปพบทันตแพทย์รักษาฟันเด็กได้ ตามโรงพยาบาลของรัฐหรือที่คณะทันตแพทย์ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ คุณหมอจะตรวจภายในช่องปาก เอ็กซ์เรย์กระดูกขากรรไกร พิมพ์แบบจำลองขากรรไกรในช่องปากบนและล่างเพื่อพิจารณาว่าควรแก้ไขทันทีหรือชะลอเวลาไปก่อน รอให้ฟันแท้ขึ้นครบแล้วค่อยจัดทีเดียวก็ได้นะค่ะ อย่างไรก็ตามทันตแพทย์อาจพิจารณาแก้ไขด้วยการใส่เครื่องมือแบบง่ายๆ ไปพลางๆ ก่อน เพื่อแก้ปัญหาการสบกระแทกเหงือกของขากรรไกรบน จากขากรรไกรล่าง ถ้ามีการสบฟันที่ผิดปกติ 

อย่างไรก็ตามคุณแม่อย่านิ่งนอนใจนะค่ะ เพราะว่าการเรียงของฟันที่เป็นปกติจะทำให้เด็กมีรูปหน้าสวยงาม ไม่บิดเบี้ยวไปข้างใดข้างหนึ่ง ทำให้เด็กมีความมั่นใจในทุกๆ เรื่องนะค่ะ สุขภาพจิตและสุขภาพฟันก็จะดีตามไปด้วยทั้งคุณแม่และคุณลูกนะค่ะ