การรักษารากฟัน



มีผู้ป่วยหลายรายที่ละเลยปล่อยให้ฟันผุแล้วไม่รักษาทำให้โรคฟันลุกลามทำลายสุขภาพฟันมากขึ้นจนถึงชั้นโพรงประสาทฟัน เกิดการอักเสบที่ปลายรากฟัน มีอาการปวดทรมาน ทั้งยังเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคที่ทำลายสุขภาพร่างกายด้วย
           แต่อย่างไรก็ยังมีวิธีการรักษาอยู่  เพียงแต่จะยุ่งยากและสลับซับซ้อนต้องใช้เวลาและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเพื่อให้การรักษาประสบความสำเร็จตามต้องการ จึงจำเป็นต้องไปพบทันตแพทย์หลายครั้งในการรักษารากฟัน
         วิธีการรักษารากฟัน คือ ถ้าฟันของผู้ป่วยมีการติดเชื้อในโพรงประสาท การควรรักษาก่อนจะรักษารากฟัน  โดยการใส่ยาประเภทแคลเซียมไฮดรอกไซด์ เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อ เมื่อมั่นใจแล้วว่าภายในคลองรากฟันปราศจากเชื้อ จึงทำการอุด และครอบฟันต่อไป 

ขั้นตอนในการรักษารากฟัน มีดังนี้
       เริ่มจากกรอฟันหาคลองรากฟันซึ่งเป็นรูเล็กๆอยู่ต่อจากโพรงประสาทถึงปลายรากฟัน 
       จากนั้นก็ทำการขยายคลองรากฟันให้ใหญ่ขึ้น เพื่อใช้น้ำยาล้างซับให้แห้งและใส่ยาฆ่าเชื้อโรคได้
       ปิดโพรงประสาทฟันด้วยวัสดุอุดชั่วคราว เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ประมาณ 3 ถึง 7 วัน 
       ล้างและขยายคลองรากฟันพร้อมทั้งเปลี่ยนยาฆ่าเชื้อโรคใหม่ และอุดปิดโพรงประสาทฟันด้วยวัสดุอุดชั่วคราวอีกครั้ง ทำเช่นนี้ 4 - 5 ครั้ง จนกว่าหนองจะแห้ง ไม่มีเชื้อโรคและสิ่งสกปรกตกค้าง
       เมื่อหนองแห้งไม่มีเชื้อโรคและสิ่งสกปรกตกค้างแล้ว ทันตแพทย์ก็จะทำการอุดปิดโพรงประสาทฟันถาวร   อุดตั้งแต่ปลายรากฟันถึงพื้นโพรงประสาทฟันและปิดทับด้วยวัสดุทางทันตกรรมจำพวกซีเมนต์และ Amalgum  ซึ่งมีสีคล้ายเงินมีคุณสมบัติให้ความแข็งแรงได้ดี จึงใช้อุดฟันกรามที่ต้องรับแรงบดเคี้ยวมากๆ สำหรับฟันหน้าไม่ต้องรับแรงบดเคี้ยวมาก ก็จะอุดด้วยวัสดุที่มีสีเหมือนฟันธรรมชาติ 
       ทันตแพทย์จะทิ้งระยะเพื่อรอดูอาการซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพของฟันของผู้ป่วย และหากแน่ใจแล้วว่าการรักษารากฟันประสบความสำเร็จ ทันตแพทย์จะทำการครอบฟันให้กับผู้ป่วยด้วยวัสดุตามความเหมาะสม


               ในการรักษารากฟันนั้น สามารถเก็บรักษาฟันไว้ใช้งานได้ต่อไป ซึ่งจะดีกว่าการใส่ฟันปลอมเพราะฟันที่รักษารากฟันแล้วก็เหมือนฟันในปากซี่อื่นๆคือ มีเบ้ากระดูกยึดให้ฟันมั่นคงแข็งแรง และให้ความรู้สึกในการใช้งานที่ดีกว่าการใส่ฟันปลอม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น